5 ตำนานนักวิ่งแห่งกีฬาโอลิมปิก ep.2
5 ตำนานนักวิ่งแห่งกีฬาโอลิมปิก ep.2
Mizuki Noguchi “หญิงแกร่ง แดนอาทิตย์อุทัย”
ในกีฬาวิ่งมาราธอนนั้น เรามักจะเห็นแต่นักวิ่งแอฟริกันทั้งชายและหญิง แต่มีครั้งหนึ่งทั่วโลกได้รู้จักปอดเหล็กสาวชาวอาทิตย์อุทัยรายนี้ที่ชื่อว่า “มิซูกิ โนงูจิ”
มิซูกิ เกิดที่จังหวัดคานางาวะ โดยแข่งวิ่งมาตั้งแต่สมัยเรียน เริ่มจากการวิ่ง “ฮาล์ฟ มาราธอน” จนได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งฮาล์ฟมาราธอน”
ซึ่งเธอลงแข่งขันไปทั้งหมด 24 รายการ และได้รางวัลชนะเลิศถึง 14 รายการ ด้วยกัน
ในปี 2002 เธอได้ตัดสินใจลงแข่งขัน “ มาราธอน ” เป็นครั้งแรก ในรายการ นาโงย่า มาราธอน ก่อนจะคว้าแชมป์ได้อย่างยอดเยี่ยม ในปีต่อมา
เธอได้ลงแข่งขัน โอซาก้า มาราธอน ซึ่งถือเป็นรายการใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของนักวิ่งทั่วโลก และมิซูกิก็คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง
พร้อมทำสถิติใหม่ของรายการด้วยเวลา 2:21:18 นาที
ในปี 2004 เธอได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนักวิ่งมาราธอนทีมชาติญี่ปุ่น ไปแข่งขันที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ซึ่งมิซูกิทำผลงานสุดยอดคว้าเหรียญทองไปครอง ถือเป็นคนที่สองของญี่ปุ่น ต่อจาก นาโอกะ ทากาฮาชิ ที่ทำได้ในโอลิมปิกปี 2000
ถัดมาในปี 2005, 2007 ปอดเหล็กสาวชาวอาทิตย์อุทัยผู้นี้ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ เบอร์ลิน มาราธอน และ โตเกียว มาราธอน ซึ่งเป็นรายการระดับเมเจอร์ได้ตามลำดับ
มิซูกิ ลงแข่งขันวิ่งมาราธอนไปทั้งหมดเพียงแค่ 6 รายการ และได้รางวัลชนะเลิศถึง 5 รายการ และรองชนะเลิศอันดับที่ 1 แค่รายการเดียวเท่านั้น
ทำให้เธอคือ “หญิงแกร่ง แดนอาทิตย์อุทัย”อย่างแท้จริง
Liu Xiang “ผู้ใช้วิชาตัวเบา”
หลิว เซียง ในวัยเด็กก็เหมือนกับเด็กคนอื่นที่ซุกซนชอบกระโดดโลดเต้นปีนป่ายไปมา พออายุได้ 13 ปี พ่อของเขาเห็นแววจึงส่งเข้าโรงเรียนกีฬายุวชนของนครเซี่ยงไฮ้
โดย หลิว เซียง เริ่มจากกีฬากระโดดสูง ก่อนจะถูกโค้ชกรีฑาซึ่งเห็นหน่วยก้านของเขา และคิดว่าสามารถเอาดีทางวิ่งข้ามรั้วได้ จึงให้เขาเลิกกระโดดสูงและมาวิ่งข้ามรั้วเพียงอย่างเดียว
นักวิ่งเลือดมังกรผู้นี้ เริ่มเป็นที่รู้จักจากการที่เขาคว้าเหรียญทองจาก เอเชี่ยน เกมส์ ในปี 2002 และต่อมาในโอลิมปิกเกมส์ ปี 2004
เขาทำให้คนทั้งโลกได้เห็นวิชาตัวเบาของเขาด้วยการชนะเลิศการแข่งขันวิ่งข้ามรั้ว 110 เมตรชายแบบขาดลอย
ซ้ำยังเป็นการทำลายสถิติโอลิมปิกอีกด้วย ทำให้เขาคือชาวจีนคนแรกที่ได้เหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑา โอลิมปิก
และอีก 4 ปี ต่อมาในปี 2008 มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติได้ถูกจัดขึ้นที่ประเทศจีนบ้านเกิด “หลิว เซียง” ตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างมากเพื่อป้องกันแชมป์ให้ได้
แต่เมื่อถึงวันแข่งขันโชคร้ายก็เกิดขึ้นกับเขา หลิว เซียง ได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายตอนช่วงออกตัวทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน “น้ำตา”ของเขาไหลริน
น้ำตานี่ไม่ได้เกิดจากการพ่ายแพ้ต่อการแข่งขัน แต่มันเกิดขึ้นจากการที่เขา “พ่ายแพ้” ให้แก่ ร่างกายตนเอง
ครั้นแล้วในอีก 4 ปีต่อมา ในปี 2012 ที่ลอนดอนเกมส์ หลิว เซียง กลับมาอีกครั้ง และก็ประสบกับเหตุการณ์บาดเจ็บซ้ำ
โดยในรอบคัดเลือกเขากระโดดไม่ผ่านรั้วแรกทำให้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
ท้ายที่สุดในโอลิมปิกทั้ง 3 ครั้งของเขา แม้เขาจะได้เพียง 1 เหรียญทอง แต่นั่นก็เพียงพอที่จะให้เขาถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “นักวิ่งข้ามรั้วที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์”