เชลลี่-แอนน์ เฟรเซอร์-ไพรซ์
เชลลี่-แอนน์ เฟรเซอร์-ไพรซ์
เพราะซ้อมหนักถึงกลับมามีวันนี้
เชลลี่-แอนน์ เฟรเซอร์-ไพรซ์ ฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของเธอเมื่อวันที่ 29 กันยายนปี 2019 ในวัย 32 ปี ที่คาลิฟา สเตเดี้ยม
โดยขึ้นนำตั้งแต่ออกสตาร์ท ก่อนจะเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 10.71 วินาที ทิ้งห่างอันดับ 2 เป็นช่วงตัว ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของเธอในฤดูกาลที่ผ่านมา
และเป็นตัวเลขเดียวกับสมัยที่เธอคว้าแชมป์โลก ณ กรุงมอสโก 6 ปีก่อนหน้านั้น และเป็นเวลาที่ช้ากว่าสถิติดีที่สุดในอาชีพของเธอเพียง 0.01 วินาที
นอกจากนั้นยังทำให้เธอเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์โลก ในประเภท 100 เมตร ได้ถึง 4 สมัย ซึ่งแม้แต่ ยูเซน โบลต์ ตำนานลมกรดชายเพื่อนร่วมชาติยังทำได้เพียง 3 สมัยเท่านั้น
“ฉันไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ฉันซ้อมอย่างหนักเพื่อให้กลับมาแข่งได้อีกครั้ง คู่แข่งล้วนแข็งแกร่งดังนั้นฉันต้องทำผลงานให้ดี โดยเฉพาะการออกสตาร์ทซึ่งฉันทำได้ ส่วนในตอนสุดท้ายฉันแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะเข้าเส้นชัย รวมทั้งไม่ปล่อยให้มีอะไรมาขัดขวาง ซึ่งฉันตื่นเต้นมากๆ ที่ตัวเองคว้าชัยได้สำเร็จ”เชลลี่-แอนน์ เฟรเซอร์-ไพรซ์ กล่าวหลังคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4
นอกจากจะกลับมาคว้าเหรียญทองในประเภท 100 เมตรแล้ว เฟรเซอร์-ไพรซ์ ยังคว้าเหรียญทองจากผลัด 4×100 เมตรหญิง ในสัปดาห์ถัดมา โดยเธอรับหน้าที่เป็นไม้ 2 และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมขึ้นนำ ก่อนพารุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าร่วม 10 ปี คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ
จากผลงานล่าสุด เรียกได้ว่า เฟรเซอร์-ไพรซ์ กลับไปยังจุดที่เธอเคยเป็นในช่วงปี 2008-2015 นั่นก็คือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของวงการลมกรดหญิง
โดยในช่วงเวลานั้นเธอกอบโกยคว้าสำเร็จมากมาย ไล่ตั้งแต่การเป็นหญิงชาวจาเมกาคนแรกที่คว้า เหรียญทองโอลิมปิก จากประเภท 100 เมตรในปี 2008
ก่อนจะได้แชมป์ 100 เมตร และ 4×100 เมตร ในศึกชิงแชมป์โลกที่กรุงเบอร์ลินในปี 2009
จากนั้น เฟรเซอร์-ไพรซ์ โกย 3 เหรียญทองจาก 100 เมตร, 200 เมตร และ 4×100 เมตร ในโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน ปี 2012
ตามด้วย 3 แชมป์เดียวกันในชิงแชมป์โลกปี 2013 ที่กรุงมอสโก เหมือนกับที่ ยูเซน โบลต์ ทำได้
ก่อนที่เธอจะมาได้อีก 2 เหรียญทอง จาก 100 เมตร และ 4×100 เมตร ในศึกชิงแชมป์โลกที่กรุงปักกิ่งในปี 2015
ปีที่ไม่น่าจดจำ, การตั้งครรภ์ และรูปปั้นสำริด
เจ้าของฉายา “พ็อกเก็ต ร็อกเก็ต” หรือจรวดฉบับกระเป๋า จากการที่มีส่วนสูงเพียง 152 เซนติเมตร และหนัก 52 กิโลกรัม เจอกับช่วงเวลายากลำบากในอาชีพช่วงต้นปี 2016
เนื่องจากอาการบาดเจ็บหัวแม่เท้า ซึ่งทำให้ฝันของเธอในการคว้าเหรียญทอง 100 เมตร จาก โอลิมปิก 3 สมัยซ้อน ต้องพังทลาย
หลังเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ขณะที่ อีไลเน่ ธอมป์สัน เพื่อนร่วมชาติคว้าแชมป์ไปครอง โดย เฟรเซอร์-ไพรซ์ เปิดเผยในภายหลังว่า เธอยกให้ ริโอ เกมส์
เป็นการแข่งขันครั้งเดียวที่ตัวเองวิ่งไม่ได้สถิติ 10.7 วินาที
ในปีต่อมา เฟรเซอร์-ไพรซ์ ใช้เวลาส่วนใหญ่นอกลู่วิ่ง หลังจากประกาศว่าตั้งครรภ์ในเดือนมีนาคม ก่อนที่จะให้กำเนิดลูกน้อยนาม ไซออน ในเดือนสิงหาคม
ขณะที่เพื่อนร่วมทีมลงแข่งชิงแชมป์โลกที่กรุงลอนดอน ซึ่ง เฟรเซอร์-ไพรซ์ นั่งดูธอมป์สัน คว้าแชมป์ 100 เมตรหญิง ผ่านหน้าจอโทรทัศน์
ด้วยความสำเร็จในอาชีพที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาล จาเมกา สร้างรูปปั้นสำริดเพื่อเชิดชูเกียรติให้กับ เฟรเซอร์-ไพรซ์ และมีพิธีเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเดือนตุลาคม ปี 2018
โดยตั้งอยู่ที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติในกรุงคิงส์ตัน เคียงข้างกับตำนานนักกีฬาคนอื่นๆ ของ จาเมกา และมี แอนดรูว์ โฮลเนสส์ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในพิธีอีกด้วย
ซึ่งเจ้าตัวทวีตข้อความว่า “ขอให้รูปปั้นนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวจาเมกา รวมทั้งเป็นเครื่องเตือนใจว่าการทำงานหนักและการอุทิศตนจะทำให้คุณครองโลกได้”